4 วิธีสร้าง call-to-action เพิ่มยอดขาย

0
7265

Calls-to-action (หรือ CTA) คือหนึ่งในส่วนประกอบที่สำคัญที่มีส่วนช่วยให้การทำแคมเปญการตลาดของคุณให้ประสบความสำเร็จได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่ามันจะเป็นปุ่มอีเมลล์หรือจะเป็น pop-up บนบล็อคของคุณ CTA ก็ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อกระตุ้นและสร้างแรงดึงดูดให้ลูกค้ากระทำบางอย่างในการต่อยอดไปสู่สินค้าของคุณได้ CTA สามารถเป็นเครื่องมือที่มีพลังมหาศาลได้เหมือนๆ กับการทำการตลาดสไตล์อื่นๆ ถ้าทำได้อย่างถูกวิธีและใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ในโลกที่การทำการตลาดมีการเปลี่ยนแปลงและหมุนไปตลอดเวลา การทำ CTA เองก็มีวิวัฒธนาการของมันเช่นกัน ดังที่จะเห็นจากเทรนด์ใหม่ๆ ที่หลายบริษัทใช้นั่นก็คือ การใช้ pop-up หรือการเพิ่มจำนวน CTA ในหนึ่งเว็บเพจ ซึ่งกลยุทธ์ในการใช้ CTA ก็เป็นอีกสิ่งที่ผู้ประกอบการควรศึกษาเพื่อสร้างแรงดึงดูดใหม่ๆ ให้แก่ลูกค้า

1. ข้าม landing page ไปเสีย

วิธีนี้บางคนอาจไม่เห็นด้วย แต่บางที landing page ก็ไม่ค่อยจำเป็นเสมอไป เครื่องมือใหม่ๆเช่น Leadin หรือ Spoutable ยังให้คุณใส่ pop-up ที่สามารถเกี่ยวข้องกับผู้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บของเราได้ในทุกเพจของเว็บ ซึ่งเราสามารถ custom เองได้ ซึ่งต่างจากแต่ก่อนที่มีการใช้ CTAs แบบยุ่งยากกว่านี้ ด้วยวิธีนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถคลิกปุ่มหรือกรอกแบบฟอร์มได้เลยทันที ซึ่งพวกเขาเองก็สามารถได้รับข้อมูลหรือข้อเสนอของคุณได้โดยที่ไม่ต้องเข้า landing page แยกอีกหนึ่งอัน ด้วยความเรียบง่ายและสะดวกนี้ทำให้ CTA ของคุณนำลูกค้าไปสู่ข้อเสนอที่คุณต้องการสื่อได้เร็วขึ้นด้วย

2. ตำแหน่งการวาง CTA

กฎของการวาง CTA โดยทั่วไปคือการใส่ CTA ไว้ที่ด้านล่างของเว็บเพจ แต่อย่างไรก็ตาม ก็มีงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า ถ้าเราวาง CTA ให้สูงขึ้นมาหน่อยจะทำให้มันเกิดประสิทธิภาพได้ดีมากยิ่งขึ้น เพราะโดยเฉลี่ยแล้วผู้ใช้ก็มักจะไม่ค่อยได้เลื่อนลงไปจนถึงล่างสุดมากนัก พวกเขาจะแค่สแกนในช่วงต้นและตรงกลางเท่านั้น ก่อนจะเปลี่ยนไปหน้าต่อไป จึงควรวางแบนเนอร์ไว้ที่ด้านบนของเพจหรือทำเป็น pop-up แทน จะทำให้ง่ายต่อการถูกมองเห็นมากขึ้น การวางตำแหน่งนั้นสำคัญมากกว่าที่เราคิด เพราะคนเรามักจะชินกับการเห็น spam ที่มักจะอยู่ด้านข้างของเว็บ ซึ่งถ้าเราวาง CTA ของเราไว้ในตำแหน่งนั้นๆ ก็อาจทำให้คนมองข้ามไปได้เช่นกัน

3. จำนวนของ CTA

อีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลอย่างมากคือจำนวนของ calls-to-action ที่ควรใส่ในหนึ่งเพจ จากแต่เดิมเป็นธรรมดาที่เราจะใส่ CTA แค่หนึ่งชิ้น แต่ตอนนี้เราแนะนำว่าควรใส่อย่างน้อย 2-3 ชิ้นในแต่ละที่ที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามคุณก็ไม่จำเป็นต้องติดอยู่กับแค่ CTA อันเดิมๆ เพียงอันเดียว แต่การวาง CTA ไว้ทั่วทุกแห่งที่มีคอนเทนท์ของคุณนั่นก็จะทำให้ได้ใช้ประโยชน์จากมันได้มากขึ้น และคุณก็จะได้ดึงดูดกลุ่มผู้ใช้ที่หลากหลายด้วย ยกตัวอย่าง บางคนที่สนใจที่จะ subscribe บล็อคของคุณ ก็อาจจะคิดอยากจะดาวน์โหลดอีบุคของคุณด้วยเช่นกัน ดังคำกล่างของ Neil Patel (นักการตลาดชื่อดัง) ได้เคยทวีตไว้ว่า “When it comes to CTAs, ‘more is better.’”

จำไว้ว่า CTA ทั้งหมดของคุณที่สร้างขึ้นมานั้นต้องทำให้ผู้ใช้มองว่ามันมีคุณค่า ผู้ใช้จะไม่มีทางกรอกแบบฟอร์มของคุณเพื่อสิ่งที่ไร้ประโยชน์ และตัวคุณเองก็คงไม่อยากทำให้เพจของตัวเองเต็มไปด้วยแบนเนอร์ไร้ประโยชน์และ pop-up ที่รกหูรกตาเช่นกัน

4. การสร้าง CTA แบบเฉพาะของตัวเอง

หนึ่งในวิธีอีกทางที่มีประสิทธิภาพมากคือการใช้ CTA แบบดัดแปลงให้เข้ากับผู้ใช้งานของเราโดยเฉพาะ เช่น การดึงดูดพวกเขาโดยการมีข้อเสนอหรือคูปองที่เข้ากับความสนใจส่วนตัวของพวกเขา หรือ location-based content ซึ่งคุณจะรู้ว่าคุณมองเป้าหมายไว้ได้ถูกที่เช่นกัน

credit: http://www.imediaconnection.com


Ketshopweb | เว็บสำเร็จรูปอย่างง่ายที่ใครๆก็ทำได้

www.ketshopweb.com

เรายินดีให้คำปรึกษาการทำเว็บไซต์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย

ติดต่อมาที่ 094-436-2002 , email : sales@ketshopweb.com

LEAVE A REPLY

Please enter your comment!
Please enter your name here