ทุกวันนี้ผู้คนต่างแห่แหนไปยกให้การตลาดออนไลน์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำการตลาดโดยหลงลืมอะไรไปบางอย่าง… การพูดปากต่อปาก ยังคงเป็นวิธีที่ได้ผลดีเยี่ยมที่สุดอยู่
โดยทางที่ดีแบรนด์จะต้องทำการตลาดทั้ง 2 แบบควบคู่กันไป ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่ไปทุ่มที่อย่างใดอย่างหนึ่งจนลืมให้ความสำคัญอีกวิธีไป โดยเฉพาะวิธีการดั้งเดิมแบบการพูดปากต่อปาก ที่เราจะพูดถึงในวันนี้ค่ะ
การพูดแบบปากต่อปาก หรือ word of mounth ยังเป็นวิธีที่ได้ผลที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกลุ่มสินค้าหรือธุรกิจที่ต้องใช้ความน่าเชื่อถือ สินค้าที่ต้องเห็นและจับต้องได้ ให้ผู้บริโภคได้ใช้ ได้ทดลอง ถ้าดีจริงคนกลุ่มนี้แหละจะไปบอกต่อเอง เช่น เวลาเพื่อนเราหลายคนบอกว่าร้านอาหารร้านนี้อร่อย กับ ร้านอาหารป่าวประกาศบอกเองว่าร้านเราอร่อย สิ่งไหนที่จะเป็นตัวทำให้เราตัดสินใจไปกินร้านนี้ล่ะ?
เอ็ด เคลเลอร์ ประธาน Engagement Labs ผู้ทำการสำรวจในหัวข้อนี้กล่าวไว้ว่า
“นักการตลาดในปัจจุบันใช้ Social Media เป็นอย่างแรกในการวัดระดับความสำเร็จในการทำการตลาด แต่การดูผลจากข้อมูลออนไลน์อย่างเดียวมันก็เหมือนกับการขับรถด้วยความเร็ว 100 กม. ต่อ ชม. ตอนกลางคืนมืดมิดที่มีเพียงแสงจากไฟฉายในการนำทาง และจากการทำแบบนั้นคุณอาจจะผิดพลาดอะไรไปหลายอย่างก็ได้”
จากผลการสำรวจของ Engagement Labs บริษัทจัดการข้อมูลการตลาดระดับโลกพบว่า
1.การตลาดแบบปากต่อปาก ช่วยกระตุ้นการซื้อสินค้าของผู้บริโภคได้ถึง 13%
2.การบอกต่อ (ออฟไลน์) ช่วยกระตุ้นการซื้อได้มากกว่า การบอกต่อ (ออนไลน์) ถึงเท่าตัว โดยทางออฟไลน์ส่งผล 2 ใน 3 ต่อธุรกิจ ในขณะที่ทางออนไลน์ส่งผลเพียง 1 ใน 3
3.แบรนด์ที่ทำตลาดออนไลน์และออฟไลน์ได้มีประสิทธิภาพเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ได้แก่ ESPN, Amazon, Food Network, TripAdvisor, NBA, Adidas, Nordstrom, Nivea, Dove, และ ABC
4.อันดับประเภทของสินค้าการบอกต่อแบบปากต่อปาก ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ได้แก่ กีฬา, การสื่อสาร/การประชาสัมพันธ์, ความสวยความงาม, ค้าปลีก/เครื่องแต่งกาย, สินค้าเด็ก, เครื่องใช้ภายในบ้าน, เทคโนโลยี, บริการท่องเที่ยว, ร้านอาหาร, อาหาร, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, การเงิน, บ้าน, รถ, เครื่องดื่ม, สื่อสาร, และ สุขภาพ ตามลำดับ
5.ผลสำรวจเปรียบเทียบระหว่างปี 2008 และ 2015 เปอร์เซนต์การเติบโตของการตลาดออนไลน์เพิ่มสูงขึ้น ในขณะการบอกต่อปากต่อปากยังคงที่และมั่นคง
6.แบรนด์ต่างๆ มีการเติบโตทางการตลาดออนไลน์มากขึ้นในทุกช่วงวัย รวมทั้งในกลุ่มผู้สูงอายุตั้งแต่ 60-69 ปี ก็เติบโตขึ้นมากทีเดียว
7.เทรนด์ที่เติบโตขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2008 – 2015 ก็คือ การพูดคุยปากต่อปากในเรื่องที่ไปเจอมาในอินเตอร์เน็ต
Source : Adweek
Ketshopweb | เว็บสำเร็จรูปอย่างง่ายที่ใครๆก็ทำได้
เรายินดีให้คำปรึกษาการทำเว็บไซต์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ติดต่อมาที่ 094-436-2002 , email : sales@ketshopweb.com