การทำธุรกิจในโลกดิจิตอลยุคนี้คงหนีไม่พ้นการขายของออนไลน์หรือที่เรียกอีกอย่างว่าอีคอมเมิร์ส เพราะเรามีเทคโนโลยีพร้อมให้การรองรับสนับสนุนในทุกด้าน ซึ่งการเริ่มต้นขายน่ะไม่ยาก แต่จะทำอย่างไรให้มันรุ่งและคงอยู่ไปได้หลายๆปี? เพราะนี่ถือเป็นยุคทองของการค้าขายในโลกออนไลน์ ลูกค้าสมัยนี้ต่างก็เข้าเว็บเสิร์ชหาสินค้าที่ต้องการโดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลาเดินหา พวกเขาสามารถเปิดสมาร์ทโฟนและซื้อของพร้อมรอรับที่บ้านได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และในปีต่อๆไปก็มีโอกาสที่จำนวนผู้ช้อปปิ้งด้วยวิธีจะมีเพิ่มมากขึ้นและเด็กรุ่นใหม่ต่างก็ชินกับการใช้อินเทอร์เน็ตมาตั้งแต่เล็ก ซึ่งถ้าคุณต้องการที่จะเป็นผู้ขาย คุณก็ต้องหาลูกค้า และต้องเข้าใจว่าลูกค้าแทบทุกคนต้องการสินค้าที่ใหม่ มีความสร้างสรรค์ และที่สำคัญคือเว็บไซต์ซึ่งถือเป็นหน้าร้านของคุณด้วย
ในวันนี้เรามีกลยุทธ์ในการทำอีคอมเมิร์สให้ประสบความสำเร็จแบบ step by step มาฝากกัน
1. สร้างความประทับใจแบบสุดๆ
ในการที่เราจะขายสินค้าอะไรก็ตาม คุณต้องทำให้ลูกค้าเห็นว่าหน้าร้านของคุณดึงดูดและอยากที่จะคลิกต่อๆไปในเว็บเสียก่อน มันอาจใช้เวลาเพียงเส้ยววินาทีในการที่ลูกค้าเลื่อนไปมาในหน้าเว็บคุณแล้วตัดสินใจว่าจะกดปิดหรือคลิกดูต่อไปเรื่อยๆ คุณต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการสร้างรากฐานที่ดี เช่น การตั้งชื่อร้าน URL header หรือสร้างหน้าตาเว็บหน้าร้านให้ดูเฟรนลี่ เพราะความประทับใจนั้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สามารถอยู่ไปได้อีกนาน (ถ้าคุณไม่ทำอะไรผิดพลาด) ดังนั้นการลงทุนไปกับการออกแบบให้ดีที่สุดเป็นเรื่องที่สำคัญ เลือกเทมเพลตให้เหมาะสม และสร้างฟีเจอร์หรือการใช้งานภายในเว็บให้เข้าใจง่าย รวดเร็ว และสวยงาม
ตัวอย่าง Brunch Box
เมื่อคุณเข้าไปในเว็บไซต์ของเขา คุณจะรู้ได้เลยว่าเขาขายอะไร นั่นก็คือ “Brunch บรรจุกล่อง” พวกเขามีแค่โลโก้อย่างง่ายๆ และเลือกที่จะดิสเพลย์สินค้าในสไตล์รูปอินตราแกรมที่เหมาะสำหรับกลุ่มเป้าหมายและสไตล์แบรนด์ของพวกเขา ข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลการติดต่อ หรือข้อมูลประจำตัวแบรนด์ ก็ถูกจัดไว้ที่ footer ด้านล่าง แล้วปล่อยให้ดีไซน์นั้นออกมาดูสะอาดตาและเรียบง่าย
ตัวอย่าง Noble Isle
ตัวอย่างนี้จะมีความสไตล์ลิชและมินิมอลแต่มันก็ดูดีเลยทีเดียว เนื่องจาก Noble Isle ขายสินค้าภายในห้องน้ำที่มีความหรูหรา เขาจึงใช้โทนสีที่สื่อถึงความหรูดูแพงเพื่อดึงความสนใจของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย มีการใช้โลโก้ที่ฉลาดโดยออกแบบมาให้มีความรู้สึกถึงความแพงโดยที่ไม่ต้องเยอะ การใช้ฟอนท์สีทองก็จะดูดีมากถ้ามีวิธีการใช้ที่เหมาะสมและไม่มากเกินไป
2. รูปภาพนั้นสำคัญมาก
80% ลูกค้าจะจำจากสิ่งที่พวกเขาเห็น และอีก 20% จากการอ่าน ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องโฟกัสหลักๆ คือรูปภาพสินค้าและการออกแบบเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ ถ้าอยากทำอีคอมเมิร์สให้รุ่ง
ทริคเล็กๆน้อยๆ ในเรื่องของรูปภาพ
- ใช้พื้นหลังสีขาว จะทำให้สินค้าของคุณดูเด่นออกมา
- ใช้ขนาดใหญ่ดึงความสนใจของลูกค้า และทำให้เขามั่นใจในสิ่งที่เลือกซื้ออยู่ คุณอาจสร้างฟีเจอร์ในการซูมรูปสินค้าให้ลูกค้าได้เห็นรายละเอียดอย่างครบถ้วนประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อได้
- ลงรูปสินค้าในทุกๆมุม
ทั้งหมดนี้ถ้าคุณไม่มีอุปกรณ์ที่ดีพอสำหรับการถ่าย เราขอแนะนำว่าจ้างช่างภาพมาช่วยก็เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะคุณสามารถใช้ภาพสินค้าเหล่านั้นสร้างกำไรได้อีกมากมาย
ตัวอย่าง Free People
พวกเขามีการใช้รูปภาพสินค้าที่เจ๋งและโมเดิร์นมาก ลูกค้าสาวๆเข้าไปแล้วอาจหลงได้เลยจากการกดคลิกดูสินค้าไปเรื่อยๆ จนติด ในหน้าแรกคุณจะเห็นข้อเสนอจากเขามากมาย และสินค้าต่างๆก็ถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ที่ชัดเจน และเขาก็มักจะเปลี่ยนรูปอยู่เสมอ ทำให้คุณรู้สึกได้ว่ามันมีการอัพเดทและสดใหม่
ตัวอย่าง Minted
Minted เป็นตัวอย่างที่ค่อนข้างแตกต่างและมีลักษณะเฉพาะตัวมาก มีความแฟนซีและสีสันสดใส เขามักมีการตกแต่งไปในภาพสินค้า และยังเชื่อมกับ Pinterest ได้อย่างเวิร์คมาก ภาพสินค้าสามารถซูมดูรายละเอียดได้ ให้เห็นถึงความเพอร์เฟคของสินค้า ซึ่งวิธีการนี้อาจท้าทายอยู่บ้าง (หรืออาจเสี่ยง) ในการให้ลูกค้าเห็นรายละเอียดเล็กๆ ได้อย่างชัดเจน แต่มันก็สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มากหากสินค้าของคุณเนี้ยบไร้ที่ติ
66% ของลูกค้าส่วนใหญ่นั้นต้องการดูมุมต่างๆ ของภาพสินค้าให้มากที่สุด
75% ของลูกค้าส่วนใหญ่คิดว่ารูปภาพที่มีคุณภาพเป็นสิ่งที่สำคัญในการตัดสินใจประกอบการซื้อ
61% ของลูกค้าส่วนใหญ่ชอบการซูมดูรายละเอียดของสินค้าให้แน่ชัด
3. อย่าลืมพัฒนาระบบ navigation ของเว็บด้วย
ระบบ navigation ควรเซตให้มีความหย่อนบ้าง อย่าจำกัดเกินไป ทำให้ผู้ใช้สามารถค้นหาในสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ง่ายๆ เพราะถ้าเมื่อไรที่เขาหาไม่เจอนั้นเขาก็จะไม่สามารถซื้อได้ หรืออาจใช้ช่องทางอื่นๆ ที่จะสามารถนำมาปรับใช้เพื่อแก้ไขปัญหานี้ได้ เช่น
– เพิ่มหมวด ‘What’s new’
หมวดนี้สำหรับลูกค้าที่เคยซื้อของกับคุณแล้ว เมื่อพวกเขาแวะมาใหม่ เขาก็จะได้เห็นคอลเล็กชั่นใหม่ล่าสุดของคุณได้ง่ายๆ เพราะแน่นอนว่าพวกเขาคงไม่อยากหาสินค้าใหม่จากการที่ต้องเปิดไล่ดูสินค้าเก่าๆ ที่เคยดูแล้ว การใส่แถบสินค้าใหม่เพิ่มเข้าไปจะทำให้ลูกค้าใหม่ๆ ก็สามารถเปิดดูการอัพเดทของคุณได้อย่างง่าย
ยกตัวอย่าง H&M
เขามีการทำหมวด New Arrivals ไว้ในสินค้าแต่ละประเภทอีกที เช่น ประเภทของผู้หญิง ผู้ชาย เด็ก และสินค้าสำหรับบ้าน และนอกจากนี้คุณยังสามารถเพิ่มการกรองสินค้าได้อีกผ่านการเลือกขนาด สี หรือเทรนด์ ซึ่งเพียงการเลือกไม่กี่คลิกนี้ ทำให้ลูกค้าได้ดูสินค้าในแบบที่ต้องการได้ทันที มันมีประโยชน์และทำให้สะดวกรวดเร็วมาก
– ใส่ฟีเจอร์ ‘Recently viewed’ (สินค้าที่เคยดูไปแล้ว)
มันน่าเบื่อมากกับการที่ต้องมาเลือกหาสินค้าที่เล็งไว้แต่หาไม่เจอ! เมื่อลูกค้าได้เล็งสินค้าของคุณไว้ตัวหนึ่งแล้วยังไม่ได้ตัดสินใจซื้อตอนนั้น พอจะกลับมาซื้ออีกที กลับมีสินค้าเพิ่มมาเยอะแยะจนหาของเก่าไม่เจอแล้ว นี่ทำให้เป็นอีกหนึ่งปัญหาของการช็อปปิ้งออนไลน์ ซึ่งทางออกของพวกเขาก็มีไม่กี่แบบ นั่นก็คือการกดปุ่ม back กลับไป (ในกรณีที่เพิ่งดูไปไม่นาน) หรือไม่ก็ต้องกลับไปย้อนดูจาก History ของเว็บ ซึ่งนั่นก็เป็นทางออกที่ไม่ง่ายเลย
ยกตัวอย่าง Pottery Barn ได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้ และทำให้มันกลับกลายเป็นเรื่องที่ง่ายมาก เพราะเมื่อไรที่ลูกค้ากำลังเลือกดูสินค้าอยู่นั้น เขาก็จะเห็นแถบด้านขวามือที่เป็น ‘Recently Viewed’ (สินค้าที่เคยดูไปแล้ว) พวกเขาจึงสามารถกลับมาดูสินค้าที่เคยเล็งไว้เมื่อไรก็ได้
– ใช้ drop-down menu
ยกตัวอย่าง John Lewis กับ Amazon
สองเว็บไซต์นี้ได้ใช้ระบบแบบนี้ให้เกิดประโยชน์มาก ทำให้มีความสมูทโดยที่ลูกค้าสามารถคลิกเพียงแค่ไม่กี่ครั้งได้ ซึ่งการที่ระบบมันลื่นไหลแบบนี้จะทำให้ลูกค้ารู้สึกแฮปปี้และอยู่ในเว็บของคุณได้นานขึ้น แต่คุณก็ต้องทำระบบให้ลื่นไหลอย่างพอเหมาะโดยที่ลูกค้ายังสามารถคลิกได้ ไม่ใช่เร็วจนต้องการจะคลิกแล้วจับตัวหัวข้อไม่อยู่ หรือตัว drop-down เกิดค้าง ลูกค้าก็ไม่สามารถดูหมวดสินค้าด้านในได้
ยกตัวอย่าง IKEA
IKEA ก็เป็นอีกสไตล์ โดยการใช้วิธีอธิบายสิ่งที่คุณจะเจอจากในส่วนนี้ มีการอธิบายอย่างตรงไปตรงมาและเรียบง่าย และใช้ drop-down menus ในส่วนของหมวดสินค้าเขาได้โชว์รูปพร้อมทั้งคำอธิบายว่ามีอะไรบ้าง การโชว์สินค้าก็แสดงชื่อพร้อมทั้งราคาอย่างง่ายๆ ตรงๆ
ติดตาม Checklist ได้อีกหลายข้อในตอนที่ 2 : https://wp.me/p7ClQR-md
Credit: http://ecommerce-platforms.com/ecommerce-selling-advice/ultimate-epic-guide-successful-online-shop#photos
Picture Credit: http://www.freepik.com/
Ketshopweb | เว็บสำเร็จรูปอย่างง่ายที่ใครๆก็ทำได้
เรายินดีให้คำปรึกษาการทำเว็บไซต์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ติดต่อมาที่ 094-436-2002 , email : sales@ketshopweb.com