มาต่อกันกับตอนที่ 3 ของบทเรียนที่คุณจะต้องเจอในการค้าขายออนไลน์
ติดตามตอนที่ 1 ได้ที่ คลิกเพื่ออ่านตอน1 ติดตามตอนที่ 2 ได้ที่ คลิกเพื่ออ่านตอน2
21. ถ้าคุณอยากให้ลูกค้าทำอะไร คำนั้นก็ควรโดดเด่น
ถ้าคุณกำลังพยายามดึงดูด หรือจูงใจให้ลูกค้าให้ความสนใจกับสินค้าตัวใหม่บนเว็บไซต์ ก็ควรทำปุ่มหรือลิงค์ให้มองเห็นได้ชัด และไม่ถูกห้อมล้อมไปด้วยส่วนประกอบรกๆ ที่ทำให้มองเห็นแมสเสจได้ไม่ชัด
22. การวิเคราะห์เป็นกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่การบริการลูกค้าได้แบบเฉพาะตัว
ถ้าลูกค้าคนหนึ่งมีความสนใจในสินค้าประเภทรองเท้า ในขณะที่อีกคนกำลังมองหาเสื้อยืด ในกรณีนี้คุณไม่ควรส่งอีเมลแนะนำสินค้าประเภทรองเท้าไปให้ลูกค้าที่อยากได้เสื้อยืด การแนะนำสินค้าแบบเฉพาะตัวของแต่ละคนเป็นเสน่ห์ที่ลูกค้ามองหา ซึ่งมันก็จะมาจากการที่เราวิเคราะห์ลูกค้าที่เข้ามาซื้อในร้านอย่างใส่ใจ
23. ถ้าเว็บไซต์ของคุณกำลังอยู่ในขั้นตอนของการปรับปรุงอะไรบางอย่าง ก็ควรบอกให้รู้
บางครั้งผู้ที่เข้ามาก็อาจคิดว่าเว็บไซต์ของคุณพัง ใช้งานไม่ได้ หรือที่แย่กว่านั้นคือนึกว่าเว็บฯของคุณปิดตัวไปแล้ว ดังนั้นถ้าคุณกำลังปิดเพื่อปรับปรุงชั่วคราว ก็ควรเขียนบอกให้ผู้ใช้คนอื่นได้รู้
24. การทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ในการช้อปปิ้งที่แย่ จะทำให้เสียลูกค้าตลอดไป
ลูกค้าจะซื่อสัตย์กับแบรนด์ที่เขารัก แต่ถ้ามีครั้งไหนที่คุณทำให้เขาได้รับประสบการณ์แย่ๆ ที่แม้เกิดเพียงครั้งเดียว แต่พวกเขาก็จะไม่กลับมาหาคุณอีก
25. เว็บไซต์ที่ไม่มีการโฟกัสการเข้าถึงจากโทรศัพท์มือถือ ในที่สุดก็จะต้องปิดตัวลง
กูเกิ้ลก็ได้บอกไว้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับการจัดอันดับที่จะตกลงถ้าเราไม่ทำเว็บฯ ให้รองรับการเข้าถึงจากโทรศัพท์มือถือ ซึ่งในสมัยนี้คนก็ชอบใช้แท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือในการซื้อสินค้าต่างๆด้วยซ้ำ
26. การบอกขั้นตอนการใช้อย่างละเอียดเป็นที่ต้องการของลูกค้าช้อปปิ้งออนไลน์
อาจดูน่าเบื่อหน่าย แต่คุณก็จำเป็นต้องบอกลูกค้าถึงขั้นตอนของการเช็กเอาท์ การติดต่อบริษัทคุณ วิธีการใช้สินค้า เป็นต้น เพราะการช้อปปิ้งออนไลน์คือคุณไม่สามารถยืนอธิบายต่อหน้าขณะที่ลูกค้ากำลังเลือกซื้อของได้ ดังนั้นการเขียนบอกไว้ก่อนจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ
27. รวบขั้นตอนให้กระชับภายในหนึ่งขั้นตอนนั้นดีกว่าหลายๆขั้นเสมอ
ไม่น่าเชื่อมันจะต่างความแตกต่างได้ถึง 30% ว่าลูกค้าจะเลือกซื้อของต่อ หรือปิดเว็บฯคุณแล้วไปซื้อที่อื่น ส่วนหนึ่งก็เพราะขั้นตอนที่ยุ่งยากภายในเว็บฯ การให้ลูกค้าต้องทำถึง 3-4 ขั้นตอนนั้นเป็นการทำให้พวกเขาเสียเวลา คุณควรทำให้รวบรัด กระชับ เข้าใจได้ง่าย และสะดวกต่อลูกค้าในการซื้อสินค้าให้มากที่สุด
28. การส่งสินค้าก็ควรสอดคล้องกับแบรนด์ดิ้งของเรา
ลองคิดถึงตัวอย่างเช่น Amazon ในการส่งสินค้า คุณสามารถจดจำได้จากกล่องของ Amazon พวกเขามีการใส่แบรนด์ดิ้งลงไปแม้กระทั่งลักษณะของกล่อง รูปแบบของเทป label ของกล่อง ก็จะดูเป็น Amazon ไปหมด และจะทำให้ลูกค้าจำแบรนด์ได้
29. อย่าลืมให้ความสำคัญกับลูกค้าประจำ
คุณสามารถทำให้ลูกค้าประจำ หรือลูกค้า VIP ของคุณรู้สึกได้ถึงความพิเศษ ตอบแทนที่เขาซื้อสินค้ากับคุณในจำนวนเยอะหรือเป็นประจำ โดยการให้สิทธิพิเศษแก่พวกเขา เช่น มีการขนส่งสินค้าที่รวดเร็วกว่าปกติ หรือสร้างอีเวนท์มาเชิญลูกค้าระดับนั้นๆ มางานเปิดตัวสินค้าใหม่
30. ช่องทางการชำระเงินควรที่จะเรียบง่ายและครบถ้วน
ลูกค้าบางคนอาจสะดวกในการชำระเงินด้วย PayPal ในขณะที่คนอื่นๆ อาจต้องการใช้บัตรเครดิต ในเว็บไซต์ของคุณควรทำให้ลูกค้ามีทางเลือกในการชำระเงินได้อย่างครบถ้วน ครอบคลุมทุกช่องทางที่เป็นมาตรฐาน
Credit: http://ecommerce-platforms.com/ecommerce-selling-advice/50-hard-lessons-youll-learn-running-online-shop
Ketshopweb | เว็บสำเร็จรูปอย่างง่ายที่ใครๆก็ทำได้
เรายินดีให้คำปรึกษาการทำเว็บไซต์ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
ติดต่อมาที่ 094-436-2002 , email : sales@ketshopweb.com